ระดับแนวรับ และแนวต้านทาน ถือเป็นรากฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิคต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม นักเทรดมักจะต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบากอยู่เสมอ นั่นคือ ราคาจะทะลุ หรือกลับตัว? นี่ไม่ใช่เรื่องของสัญชาตญาณ แต่เป็นความสามารถในการอ่านตลาดโดยพิจารณาจากโครงสร้างราคา ปริมาณ พฤติกรรมของแท่งเทียน และข้อมูลของตลาด
โปรดอ่านบทความนี้ต่อเพื่อทำความเข้าใจว่าตลาดกำลังเตรียมที่จะทะลุระดับไหน โอกาสของการกลับตัวน่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ สัญญาณไหนที่ยืนยันการทะลุ (ไม่สำเร็จ) และอื่น ๆ
Horizontal Level คืออะไร?
Horizontal Level คือราคาที่มีการซื้อขายเพิ่มมากขึ้นในอดีต และกลายมาเป็นพื้นที่ซึ่งมีความน่าสนใจสำหรับผู้เข้าร่วมตลาด ซึ่งอาจจะเป็น:
- ระดับแนวรับ (เป็นจุดที่ราคาอยู่ที่ “แนวรับ” และพลิกตัวขึ้น)
- ระดับแนวต้าน (เป็นจุดที่ราคาอยู่ที่ “แนวต้าน” และกลับตัวในทิศทางขาลง)
Breakout คืออะไร?
Breakout คือสถานการณ์ที่ราคาสามารถข้ามระดับแนวรับ หรือแนวต้านได้อย่างมั่นใจ และรวมตัวกันหลังระดับนั้น นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าตลาดพร้อมที่จะทะลุแนวรับ หรือแนวต้าน:
1. เพิ่มแรงกดดันในระดับนี้
- ราคาจะเข้าใกล้ระดับดังกล่าวหลายครั้งติดต่อกัน โดยแต่ละครั้งจะอ่อนตัวลงเรื่อย ๆ
- จุดต่ำที่เพิ่มขึ้นก่อนหน้าแนวต้าน (หรือจุดสูงที่ลดลงก่อนหน้าแนวรับ)
- นี่เป็นสัญญาณการสะสมสภาพคล่อง และกำลัง “กดดัน” ระดับนี้
2. ปริมาณ (ถ้ามี)
- มักจะมีปริมาณการซื้อขายพุ่งสูงขึ้นก่อนที่จะเกิดการทะลุของราคา
- ในแพลตฟอร์มอย่าง MetaTrader ปริมาณการซื้อขายจะเป็นปริมาณการซื้อขาย tick และสามารถจะบอกคุณได้ว่าเมื่อไหร่จะเกิดความสนใจขึ้นอย่างรุนแรง (คุณยังสามารถใช้ปริมาณการซื้อขายล่วงหน้าของสกุลเงินได้อีกด้วย)
3. การปิดแท่งเทียนด้านหลังระดับนี้
- นี่เป็นสัญญาณที่สำคัญ หากแท่งเทียนปิดอยู่เหนือแนวต้าน (หรือต่ำกว่าแนวรับ) โดยที่ขนาดแท่งเทียนใหญ่กว่าค่าเฉลี่ยจะถือเป็นการยืนยันที่ชัดเจนว่ามีการทะลุแนวต้าน
- แต่จะดีกว่าถ้ารอการทดสอบระดับใหม่จากอีกฝั่งเพื่อเข้าสู่ตลาดในช่วงที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า
4. ข้อมูลของเทรนด์
- การทะลุแนวรับมักเกิดขึ้นบ่อยครั้งตามทิศทางของเทรนด์ระดับโลก
- หากราคาเข้าใกล้ระดับแนวต้านหลังจากมีการเคลื่อนไหวขึ้นอย่างรุนแรง โอกาสที่จะเกิดการทะลุของราคาก็จะสูงขึ้น
ควรจะรอการกลับตัวเมื่อไหร่?
การกลับตัวคือการที่ราคาพลิกกลับจากระดับหนึ่ง สัญญาณที่บ่งบอกว่าจะเกิดขึ้นการกลับตัว:
1. แท่งเทียนที่อ่อนแอในระดับนี้
- แท่งเทียนที่มีเงายาวจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะแท่งเทียนแบบแท่งสั้น หรือแท่งเทียนโดจิ — ซึ่งเป็นสัญญาณของความไม่แน่นอน และความเป็นไปได้ที่จะเกิดการกลับตัว
- แท่งเทียนเล็ก + เงาเข้าใกล้ระดับ = สัญญาณการปฏิเสธ
2. การปฏิเสธแรงกระตุ้น
- หากหลังจากแตะระดับแล้ว ตลาดกลับตัวอย่างรวดเร็ว และทับซ้อนกับตัวแท่งเทียนทดสอบ ถือเป็นการทะลุปลอม หรือเป็นสัญญาณสำหรับการกลับตัว
3. ความแตกต่างในตัวชี้วัด
- ตัวอย่างเช่น ราคาสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับนั้น และ RSI หรือ MACD แสดงถึงการลดลง — ซึ่งเป็นสัญญาณของแรงกดดันที่อ่อนตัวลง และการกลับตัวจึงอาจเกิดขึ้นได้
เรามาสรุปกันดีกว่า
ตราสาร |
ช่วยเรื่องการทะลุของราคา |
ช่วยเรื่องการกลับตัว |
การเคลื่อนไหวของราคา |
แท่งเทียนแบบแรงกระตุ้นผ่านระดับที่มีเนื้อเทียนขนาดใหญ่ |
หากแท่งเทียนมีเงาจากระดับนี้ |
ปริมาณ |
เกิดยอดสูงสุดบนแนวรับ หรือแนวต้าน |
ปริมาณลดลงเมื่อทดสอบระดับ |
เทรนด์ และอคติ |
การทะลุแนวรับ หรือแนวต้านที่ดีที่สุดคือพิจารณาตามทิศทางของเทรนด์ |
การกลับตัวที่สวนทางกับเทรนด์หลังจากเกิดการทะลุที่ไม่สำเร็จจะดีกว่า |
ความแตกต่าง |
❌ |
✔️ |
ไม่มีเทรนด์/การรวมตัวกันก่อนระดับนี้ |
✔️ |
❌ |
อัลกอริทึมเพื่อการตัดสินใจ
- ข้อมูล: เทรนด์? ไม่มีเทรนด์? เราอยู่ที่ไหนของโลก?
- เคลื่อนตัวเข้าสู่ระดับนี้: แรงกระตุ้น หรือ การสะสม?
- พฤติกรรมราคาที่ระดับนี้: แท่งเทียน โครงสร้าง และปริมาณ
- การปิดแท่งเทียน: หลังระดับนี้ หรือถูกปฏิเสธ?
- การยืนยัน: ความแตกต่าง ตัวชี้วัด การทะลุไม่สำเร็จ

📌 คำแนะนำจากนักเทรดผู้มีประสบการณ์
“อย่าซื้อขายเมื่อราคาแตะอยู่ที่ระดับหนึ่ง แต่ให้ซื้อขายตามปฏิกิริยาของราคาที่ตอบสนองต่อระดับนั้น”
การเปิดตำแหน่งด้วยคำสั่งที่จำกัดเมื่อราคาแตะอยู่ที่ระดับหนึ่งถือเป็นความผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นกับผู้เริ่มต้น ปล่อยให้ตลาดแสดงปฏิกิริยาในระดับนั้น: หากตลาดแสดงความแข็งแกร่ง — คาดว่าจะเกิดการทะลุของราคา หากแสดงว่ามีความอ่อนแอ— คาดหวังว่าจะเกิดการกลับตัว